ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเช้า หรือช่วงเย็น หลายคนก็ชอบไปออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ทั้งในสวนสาธารณะหรือในฟิตเนต เพราะการออกกำลังกายโดยการวิ่ง เป็นการออกกำลังกายที่เข้าถึงได้ง่าย ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยและสะดวกที่สุด สำหรับหลายๆคนการวิ่งออกกำลังกายเป็นเหมือนกับการพักผ่อนรูปแบบหนึ่ง บางคนตอนนี้อาจกำลังอยู่ในช่วงเริ่มฝึกวิ่ง อาจจะมีบางวันรู้สึกเหนื่อย หรือปวดตึงกล้ามเนื้อจนท้อ แต่อย่าพึ่งยอมแพ้กันนะคะ วันนี้เราจะมาแชร์ วิธีหายใจขณะวิ่ง ช่วงให้วิ่งได้สบาย และนานขึ้นกันค่ะ
ก่อนอื่นเลยเราต้องรู้จักจังหวะการวิ่งของเรากันก่อนค่ะ ว่าเรามีจังหวะการวิ่งแบบไหนและนำเอาวิธีหายใจขณะวิ่ง ไปใช้ให้เข้ากับจังหวะการวิ่งของเราค่ะ ในเวลาที่เราวิ่งนั้น ให้เรามีสมาธิจดจ่ออยู่กับลมหายใจในขณะวิ่งนะคะ วิธีนี้นอกจากจะช่วยตั้งสมาธิให้หายใจเข้าจังหวะได้แล้วนั้น ยังช่วยให้เราไม่ไปโฟกัสกับเวลา ระยะทางมากจนเกินไปค่ะ
วิธีการหายใจขณะวิ่งที่มาแนะนำวันนี้จะมี 2 รูปแบบค่ะ ขั้นแรกก่อนที่จะใช้วิธีการหายใจแบบไหนก็ตาม ต้องเข้าใจการนับก้าวกันก่อน การนับก้าวในวิธีหายใจขณะวิ่งจะนับ ก้าวที่ลงพื้น 1 2 3 ก้าว และวนกลับมานับใหม่อีกครั้ง วิธีการหายใจถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการวิ่ง การหายใจที่ถูกต้องและเข้ากับจังหวะการวิ่งของเรา จะทำให้เรารู้สึกสบายในการวิ่งทำให้วิ่งได้นานมากขึ้นค่ะ
แบบที่ 1 วิธีการหายใขขณะวิ่ง 3:3 คือ การหายใจเข้า 3 ก้าว และหายใจออก 3 ก้าว
การหายใจแบบนี้มีขั้นตอนไม่ยากค่ะ แต่ในช่วงแรกๆที่เริ่มฝึกวิ่ง อาจจะต้องตั้งสมาธิอย่างใจจดจ่อ
Step 1 หายใจเข้าในก้าวที่ 1 ที่ออกวิ่งถึง ก้าวที่ 3 เริ่มนับก้าวใหม่
Step 2 หายใจออกในก้าวที่ 1 ที่เริ่มนับใหม่ ถึงก้าวที่ 3 จากนั้นเริ่มใหม่ กำหนดลมหายใจแบบนี้ไปเรื่อยๆ
แบบที่ 2 วิธีการหายใขขณะวิ่ง 3:2 คือ การหายใจเข้า 3 ก้าว และหายใจออก 2 ก้าว
การหายใจแบบนี้ จะช่วยลดอาการจุก เสือด ได้ค่ะ
Step 1 หายใจเข้า ก้าวที่ 1 ถึงก้าวที่ 3
Step 2 เริ่มนับก้าวใหม่ หายใจออก ก้าวที่ 1 ถึงก้าวที่ 2 จากนั้นเริ่มนับใหม่ค่ะ
ทุกคนสามารถนำ วิธีหายใจขณะวิ่ง ทั้ง 2 แบบนี้ไปปรับใช้กันได้เลยนะคะ ทดลองดูว่าวิธีไหนเข้าจังหวะกันการวิ่งของเรา จากค่อยๆเริ่มฝึกไปพร้อมกับการวิ่ง เท่านี้ก็จะสามารถวิ่งได้นานขึ้น และไม่หายใจเหนื่อยหอบแล้วค่ะ
แหล่งที่มา : www.samitivejhospitals.com
อ่านบทความต่อที่ วิ่งแล้วจุก ปัญหาที่พบบ่อยในมือใหม่ ควรแก้ไขอย่างไร